วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

                                  แท่นพิมพ์ Gutenberg

            
               ในวัยเด็ก กูเตนเบิร์กติดตามบิดาไปโบสถ์เพื่อดูการพิมพ์ภาพ และเห็นว่าการแกะสลักบล็อกไม้เป็นเรื่องยากส่งผลให้หนังสือมีราคาแพงและไม่ ค่อยแพร่หลาย เขาจึงใฝ่ฝันอยากสร้างเครื่องที่สามารถพิมพ์หนังสือได้รวดเร็วนับแต่นั้นมา
               
                วิทยาการด้านการพิมพ์ได้แพร่หลายสู่ประเทศต่างๆอย่างรวดเร็ว ที่เมืองเวนิช(Venice) ประเทศอิตาลี อัลดุลมานูติอุส (Aldus Manutius) ช่างพิมพ์สามรถประดิษอักษรตัวเอน รวมถึงรูปแบบตัวอักษรที่เรียบง่ายเป็นจำนวนมาก
                แม้กูเตนเบิร์กจะไม่ใช่คนแรกที่คิดประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ แต่สิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้ก็คือ เขามีส่วนสำคัญนการทำให้วิทยาการต่างๆของโลกได้รับการเผยแพร่ กูเตนเบิร์กถึงแก่กรรมที่บ้านเกิด เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1468 ศพของเขาถูกนำไปฝังที่โบสถ์นิกายฟรังซิส (Franziskanerkiche) ซึ่งต่อมาโบสถ์แห่งนี้กับสุสานถูกทำลาย ทำให้หลุมศพของกูเตเบิร์กหายสาบสูญไปด้วย
    

       ผลกระทบต่อสังคมในปัจจุบัน กับแท่นพิมพ์ Gutenberg

               
                  เหตุที่กูเตนเบิร์กได้ชื่อว่า เป็นบิดาแห่งการพิมพ์ก็เนื่องมาจากเขาเกิดในดินแดนยุโรปที่มีตัวอักษรแค่ 26ตัว และปัญญาชนของโลกใช้วิทยาการนี้เผยแพร่ความคิด เขาจึงได้ชื่อว่าผู้ผลิตเครื่องพิมพ์  เพราะวิทยาการของเขาส่งผลต่อวิทยาการแขนงต่างๆของโลกสืบมา




เรียงความ
เรื่อง     ชีวิตปีหนึ่ง

     หากมีใครถามว่าช่วงใดที่นักศึกษาทุกคนจะต้องปรับตัวมากที่สุดในการเรียนในมหาวิทยาลัย หลายๆคนคงนึกถึงช่วงเวลาในปีแรกหรือปีหนึ่ง ที่ได้ก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย หรือที่เรียกกันว่า “  เฟรชชี่  ”
                 ผมได้ก้าวเข้าสู่การเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยหรือที่ได้ชื่อว่าเป็น “ เฟรชชี่ ” หรือนักศึกษาปีหนึ่ง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ถือได้ว่า มีหลายๆคนซึ่งมาจากต่างที่  ต่างสถานศึกษาเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อเข้ามารับประสบการณ์ใหม่พร้อมๆกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกๆด้าน ซึ่งบางเรื่องอาจเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากการเรียนในระดับมัธยมศึกษาอย่างสิ้นเชิงขณะที่บางเรื่องอาจไม่แตกต่างมากนัก แต่เป็นการเรียนรู้ที่มีความเข้มข้นมากขึ้นหลายๆคนมีความปรารถนาความสำเร็จในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือผมซึ่งผมหวังว่าจะต้องก้าวไปสู่ความสำเร็จในการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยเช่นกัน  จากการก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยของผม โดยการใช้ชีวิตช่วงปีหนึ่งของผมมีการเปลี่ยนแปลงและมีความพยายามปรับตัวให้เหมาะสมกับการเรียนในมหาวิทยาลัยเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการใช้ชีวิตหรือการใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดซึ่งผมได้รู้ว่าการเรียนการสอนในรั้วมหาวิทยาลัยนั้น มีอิสระกว่าการเรียนในระดับมัธยมศึกษามีจำนวนชั่วโมงเรียนที่น้อยลงมีตารางเรียนไม่ต่อเนื่องตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีอิสระในการเลือกเรียนวิชาต่างๆได้ ทำให้ในแต่ละวันผมจะมีเวลาว่างจากการเรียนมาก ซึ่งผมจะใช้เวลาว่างที่มีไป เข้าร่วมกิจกรรมกับชมรมต่างๆ ที่ผมความชอบ รวมถึงการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม  และอีกอย่างหนึ่งที่ชีวิตในปีหนึ่งของผมยังมีการเข้าร่วมกิจกรรมที่เรียกกันว่า “รับน้อง” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมหรือสานสัมพันธ์ระหว่างรุ่นน้องกับรุ่นพี่   กิจกรรมนี้ทำให้ผมได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆความคิดหรือแง่คิดใหม่ๆในการใช้ชีวิต รู้จักการอยู่ร่วมกับผู้อื่น รู้จักการใช้ชีวิตในสังคมใหม่ๆ ทำให้ผมสามารถปรับตัวในการใช้ชีวิตในช่วงปีหนึ่งได้ดียิ่งขึ้น และยังทำให้ชีวิตในช่วงปีหนึ่งของผมมีค่ามีความสุขสนุกสนาน กับการเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่สำคัญในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยได้อย่างดี


การก้าวข้ามจากชีวิตนักเรียนมัธยมฯมาสู่ชีวิตนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยนั้น จึงถือได้ว่าเป็นช่วงที่เป็นจุดเปลี่ยนของเวลาที่พร้อมจะนำชีวิตของนักศึกษาแต่ละคนให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคตได้  ดังนั้นนักศึกษาที่ดีย่อมรู้จักเลือกกระทำในสิ่งที่เหมาะสมในช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตซึ่งนับว่าเป็นประตูบานสำคัญที่จะเปิดไปสู่เส้นทางที่จะประสบความสำเร็จในอนาคต